การสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายด้าน การก่อตัว โดยเฉพาะสุขภาพช่อง ปาก นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเหงือกอักเสบ ฟันผุ และมะเร็งช่องปากแล้ว ยังมีข้อสงสัยว่าการสูบบุหรี่อาจเร่งการก่อตัวของหินปูนในช่องปากด้วย หินปูนหรือคราบหินน้ำลาย (Calculus) คือคราบจุลินทรีย์ที่แข็งตัวจากการสะสมของแร่ธาตุในน้ำลาย หากไม่ได้รับการขูดหินปูนอย่างสม่ำเสมอ อาจนำไปสู่ปัญหาเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ได้ บทความนี้จะพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ที่การสูบบุหรี่มีส่วนเร่งการเกิดหินปูนในช่องปาก
หินปูนคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร?

หินปูนคือคราบจุลินทรีย์ (Plaque) ที่แข็งตัวเนื่องจากเกาะติดกับแร่ธาตุในน้ำลาย เช่น แคลเซียมและฟอสเฟต คราบจุลินทรีย์นี้เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งหากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม เช่น แปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันไม่ทั่วถึง ก็จะกลายเป็นหินปูนในที่สุด การก่อตัว
กระบวนการก่อตัวของหินปูนมีขั้นตอนดังนี้:
- การสะสมของคราบจุลินทรีย์ – เกิดขึ้นภายใน 24-72 ชั่วโมงหลังการแปรงฟัน
- การแข็งตัวของคราบจุลินทรีย์ – เมื่อคราบจุลินทรีย์สัมผัสกับแร่ธาตุในน้ำลาย จะกลายเป็นหินปูนภายใน 10-14 วัน
- การสะสมเพิ่มขึ้น – หินปูนที่ก่อตัวแล้วไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการแปรงฟันปกติ ต้องพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูน
ผลกระทบของการสูบบุหรี่ต่อสุขภาพช่องปาก ปาก
การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อช่องปากหลายประการ ได้แก่:
- ลดการไหลเวียนของเลือดในเหงือก – นิโคตินในบุหรี่ทำให้เส้นเลือดหดตัว ส่งผลให้เหงือกขาดออกซิเจนและสารอาหาร ทำให้แบคทีเรียเติบโตได้ง่าย
- เพิ่มการสะสมของคราบจุลินทรีย์ – สารเคมีในบุหรี่กระตุ้นให้แบคทีเรียในช่องปากเจริญเติบโตเร็วขึ้น
- ลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน – ทำให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อในช่องปากได้น้อยลง
- ทำให้ปากแห้ง – บุหรี่ลดการผลิตน้ำลาย ซึ่งปกติจะช่วยชะล้างเศษอาหารและแบคทีเรีย
การสูบบุหรี่เร่งการก่อตัวของหินปูนจริงหรือไม่?
จากการศึกษาพบว่า การสูบบุหรี่มีส่วนเร่งการก่อตัวของหินปูนในช่องปากจริง เนื่องจาก:
1. เพิ่มการสะสมของคราบจุลินทรีย์
ผู้สูบบุหรี่มีแนวโน้มที่จะมีคราบจุลินทรีย์สะสมมากกว่าผู้ไม่สูบ เนื่องจาก:
- สารทาร์ (Tar) ในบุหรี่เกาะติดบนผิวฟัน ทำให้แบคทีเรียเกาะตัวง่ายขึ้น
- นิโคติน ทำให้เกิดฟิล์มบางๆ บนฟัน ซึ่งดึงดูดแบคทีเรีย
2. ลดประสิทธิภาพของน้ำลาย
น้ำลายมีหน้าที่ชะล้างเศษอาหารและแร่ธาตุที่อาจก่อตัวเป็นหินปูน แต่การสูบบุหรี่ทำให้:
- ปริมาณน้ำลายลดลง เนื่องจากความร้อนจากควันบุหรี่และผลของนิโคติน
- เปลี่ยนสมดุลแร่ธาตุในน้ำลาย ทำให้แร่ธาตุจับตัวเป็นหินปูนได้เร็วขึ้น การก่อตัว
3. ทำให้แบคทีเรียในช่องปากเปลี่ยนแปลง
ผู้สูบบุหรี่มักมีแบคทีเรียชนิดรุนแรงในช่องปากมากขึ้น เช่น Porphyromonas gingivalis ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบและเร่งการสะสมของหินปูน
4. การอักเสบของเหงือก
การสูบบุหรี่ทำให้เหงือกอักเสบง่าย แต่เลือดออกน้อยกว่าผู้ไม่สูบ (เนื่องจากเส้นเลือดหดตัว) ทำให้ผู้สูบบุหรี่อาจไม่รู้ตัวว่ามีปัญหาเหงือก จนหินปูนสะสมมากขึ้น
การศึกษาวิจัยที่สนับสนุน
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่กับการเกิดหินปูน เช่น: ปาก
- การศึกษาจาก Journal of Periodontology (2005) พบว่าผู้สูบบุหรี่มีปริมาณหินปูนมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 2 เท่า
- งานวิจัยในประเทศไทย (2018) ชี้ว่าผู้สูบบุหรี่มีคราบหินปูนสะสมเร็วกว่า และเสี่ยงต่อโรคปริทันต์มากกว่า
วิธีป้องกันการสะสมหินปูนในผู้สูบบุหรี่
แม้ว่าการสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยง แต่สามารถลดการสะสมหินปูนได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:
- เลิกบุหรี่ – เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงทุกด้าน
- แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันสม่ำเสมอ – เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ก่อนกลายเป็นหินปูน
- ใช้ยาสีฟันสำหรับผู้สูบบุหรี่ – มักมีส่วนผสมที่ช่วยลดคราบนิโคติน
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำลาย
- พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อขูดหินปูนและตรวจสุขภาพช่องปาก
ผลกระทบระยะยาวของการสูบบุหรี่ต่อช่อง ปาก
การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่เร่งการเกิดหินปูน แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากในระยะยาว ดังนี้
1. โรคปริทันต์ (โรคเหงือก)
หินปูนที่สะสมเป็นเวลานานจะทำให้เกิด โรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ระยะหลัก:
- เหงือกอักเสบ (Gingivitis) – เหงือกบวม แดง และมีเลือดออกง่าย
- ปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) – การอักเสบลุกลามไปถึงกระดูกที่รองรับฟัน ทำให้ฟันโยกและหลุดในที่สุด
ผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงเป็นโรคปริทันต์สูงกว่าคนทั่วไป 2-7 เท่า เนื่องจาก:
- หินปูนสะสมเร็วกว่า
- ร่างกายต่อต้านการติดเชื้อได้น้อยลง
- มักไม่แสดงอาการเลือดออกเหงือกชัดเจน ทำให้ไม่รู้ตัวจนโรคลุกลาม
2. ฟันเหลืองและคราบบุหรี่
สารทาร์และนิโคตินในบุหรี่ทำให้เกิด:
- คราบสีน้ำตาลหรือดำติดฟัน
- ฟันเปลี่ยนสีถาวร หากสะสมเป็นเวลาน
- เพิ่มการเกาะตัวของหินปูน เนื่องจากผิวฟันไม่เรียบ
3. มะเร็งช่อง ปาก
การสูบบุหรี่เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่เพิ่มความเสี่ยง มะเร็งช่องปาก โดยเฉพาะบริเวณ:
- ลิ้น
- กระพุ้งแก้ม
- เหงือก
- ริมฝีปาก
สารก่อมะเร็งในบุหรี่ทำลายเซลล์ในช่องปาก และเมื่อรวมกับแอลกอฮอล์จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น
4. การรักษาทางทันตกรรมได้ผลน้อยลง
ผู้สูบบุหรี่มักมีปัญหาการรักษาทางทันตกรรม เช่น:
- แผลหายช้า หลังถอนฟันหรือผ่าตัด
- การปลูกฝังรากฟันเทียม (รากเทียม) ล้มเหลว เนื่องจากกระดูกยึดติดไม่ดี
- ผลลัพธ์การรักษาโรคเหงือกไม่ดีเท่าคนไม่สูบ
เปรียบเทียบการสะสมหินปูนระหว่างผู้สูบบุหรี่ vs. ไม่สูบ
ปัจจัย | ผู้สูบบุหรี่ | ผู้ไม่สูบบุหรี่ |
---|---|---|
อัตราการสะสมหินปูน | เร็วขึ้น 2 เท่า | ช้ากว่า |
ปริมาณหินปูน | มากกว่า และแข็งตัวเร็วกว่า | น้อยกว่า |
อาการเหงือกอักเสบ | มักไม่แสดงอาการชัดเจน | เหงือกบวม/เลือดออกง่าย |
การตอบสนองต่อการรักษา | หินปูนกลับมาเร็วหลังขูด | หินปูนสะสมช้ากว่า |
วิธีตรวจหาหินปูนด้วยตัวเอง
แม้หินปูนบางส่วนจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (เป็นคราบแข็งสีเหลืองหรือน้ำตาล) แต่บางส่วนอาจซ่อนอยู่ใต้เหงือก วิธีสังเกตเบื้องต้น:
- ใช้ลิ้นสัมผัส – หากรู้สึกว่าผิวฟันด้านในขรุขระ อาจเป็นหินปูน
- มองในกระจก – หินปูนมักเกาะบริเวณโคนฟันด้านล่างหรือซอกฟัน
- สังเกตอาการเหงือก – หากเหงือกบวมหรือมีกลิ่นปากเรื้อรัง อาจเกี่ยวข้องกับหินปูน
แต่วิธีที่แม่นยำที่สุดคือพบทันตแพทย์เพื่อตรวจด้วยเครื่องมือเฉพาะ
การขูดหินปูนในผู้สูบบุหรี่ ปาก
การขูดหินปูน (Scaling) เป็นวิธีกำจัดหินปูนที่ได้ผลที่สุด แต่ในผู้สูบบุหรี่อาจมีข้อควรระวัง:
- หินปูนกลับมาเร็ว – ควรขูดทุก 4-6 เดือน (ปกติคนทั่วไปขูดทุก 6-12 เดือน)
- อาจมีอาการเสียวฟันหลังขูด เนื่องจากเหงือกที่ถูกทำลายจากบุหรี่
- ควรเลิกบุหรี่หลังขูด เพื่อให้เหงือกฟื้นตัวเร็วขึ้น
ทางเลือกสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมเลิกบุหรี่ ปาก
หากยังไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ทันที ควรปฏิบัติตัวดังนี้เพื่อลดผลกระทบ:
- ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและยาสีฟันที่มีสารขจัดคราบ
- บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากลดแบคทีเรีย
- เคี้ยวหมากฝรั่งไร้น้ำตาล เพื่อกระตุ้นน้ำลาย
- รับประทานผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น แอปเปิ้ล ช่วยขัดคราบบางส่วน
การดูแลช่องปากสำหรับผู้สูบบุหรี่อย่างละเอียด
1. เทคนิคการแปรงฟันที่ถูกต้อง
ผู้สูบบุหรี่ควรให้ความสำคัญกับการแปรงฟันอย่างถูกวิธี:
- แปรงวันละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะหลังมื้อเช้าและก่อนนอน
- ใช้เวลาแปรงฟัน 2 นาที ในแต่ละครั้ง
- ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม เพื่อไม่ทำลายเคลือบฟัน
- ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ และอาจเลือกสูตรสำหรับผู้สูบบุหรี่โดยเฉพาะ
- วิธีแปรงที่แนะนำ: แปรงทำมุม 45 องศากับเหงือก แปรงแบบขยับสั้นๆ ในแนวขึ้น-ลง
2. การใช้ไหมขัดฟันอย่างมีประสิทธิภาพ ปาก
- ใช้ไหมขัดฟัน วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
- ควรใช้ไหมขัดฟันชนิดแว็กซ์เพื่อลดการบาดเจ็บของเหงือก
- เทคนิคการใช้: ค่อยๆ สอดไหมระหว่างซี่ฟัน โค้งเป็นรูปตัว C ขัดขึ้นลงด้านข้างฟัน
3. การใช้น้ำยาบ้วน ปาก ที่เหมาะสม
- เลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีสาร คลอร์เฮกซิดีน 0.12% (ใช้ได้ 2 สัปดาห์ติดต่อกัน)
- หรือเลือกสูตรไม่มีแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ควรบ้วนปากหลังสูบบุหรี่ทุกครั้งหากเป็นไปได้
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงและควรรับประทาน
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง:
- ชา กาแฟ (เพิ่มการเกิดคราบ)
- น้ำอัดลม (ทำลายเคลือบฟัน)
- อาหารรสหวานจัด (เพิ่มการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย)
อาหารที่แนะนำ:
- แอปเปิ้ล ขึ้นฉ่าย (ช่วยขัดคราบ)
- ผลิตภัณฑ์นม (มีแคลเซียมเสริมสร้างฟัน)
- ผักใบเขียว (ช่วยลดการอักเสบของเหงือก)
ทางเลือกในการเลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพช่อง ปาก
1. วิธีทางการแพทย์
- นิโคตินทดแทน (แผ่นแปะ หมากฝรั่ง)
- ยาช่วยเลิกบุหรี่ เช่น วัเรนิคลีน
- การบำบัดพฤติกรรม ร่วมกับแพทย์
2. วิธีธรรมชาติ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ดื่มน้ำมากๆ เมื่ออยากบุหรี่
- ใช้สมุนไพร เช่น ชาคาโมมายล์ลดความเครียด
เทคโนโลยีใหม่ในการดูแลช่อง ปาก สำหรับผู้สูบบุหรี่
1. แปรงสีฟันไฟฟ้า
- มีประสิทธิภาพในการกำจัดคราบมากกว่าแปรงธรรมดา
- บางรุ่นมีตัวจับเวลาเพื่อช่วยแปรงฟันครบ 2 นาที
2. เครื่องวัดคราบหินปูนดิจิทัล
- ช่วยตรวจสอบการสะสมของคราบด้วยตัวเอง
- แสดงผลผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
3. การทำความสะอาดฟันด้วยเลเซอร์
- เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยกำจัดคราบอย่างล้ำลึก
- ลดอาการเสียวฟันหลังการทำความสะอาด
กรณีศึกษา: การเปลี่ยนแปลงหลังเลิกบุหรี่
กรณีศึกษา 1: คุณสมชาย อายุ 45 ปี
- สูบบุหรี่วันละ 1 ซอง เป็นเวลา 20 ปี
- มีหินปูนสะสมมากจนเหงือกร่น
- หลังเลิกบุหรี่ 6 เดือน:
- หินปูนสะสมลดลง 60%
- เหงือกเริ่มกลับมาสีชมพู
- กลิ่นปากดีขึ้นอย่างชัดเจน
กรณีศึกษา 2: คุณสาวิตรี อายุ 38 ปี
- สูบบุหรี่วันละ 10 มวน เป็นเวลา 15 ปี
- มีคราบฟันสีน้ำตาลเข้ม
- หลังใช้วิธีดูแลช่องปากอย่างเข้มงวดร่วมกับการลดบุหรี่:
- คราบฟันจางลง 50% ใน 3 เดือน
- แผลในปากหายไป
- ไม่มีหินปูนใหม่เกิดขึ้นใน 4 เดือน
คำแนะนำจากทันตแพทย์ ปาก
ดร. ทันตแพทย์ เอกชัย โชติกเมธากร ให้คำแนะนำว่า:
“ผู้สูบบุหรี่ควรพบทันตแพทย์ทุก 3-4 เดือน เพื่อตรวจหินปูนและคราบจุลินทรีย์ แม้จะดูแลช่องปากดีเพียงใด การสูบบุหรี่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ”
บทสรุปและข้อปฏิบัติ ปาก
เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ผู้สูบบุหรี่ควร:
- เริ่มกระบวนการลดหรือเลิกบุหรี่
- ดูแลทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี
- รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อฟัน
- พบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 3-6 เดือน
- ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ช่วยในการดูแล